Friday, January 24, 2014

ทำนองเสนาะ : บทโปรดในนิทานเวตาล เรื่องที่ ๖

พระนิพนธ์ใน พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ (น.ม.ส.)





กาพย์ฉบัง ๑๖ (๒ บท)

ชายใดไม่เที่ยวเทียวไป   ทุกแคว้นแดนไพร 
มิอาจประสบพบสุข

ชายใดอยู่เหย้าเนาทุกข์   ไม่ด้นซนซุก
ก็ชื่อว่าชั่วมัวเมา 

มาณวกฉันท์ ๘ (๑ บท)

จงจระเที่ยว      เทียวบทะไป 
พงพนะไพร      ไศละลำเนา 
ดั้นบถะเดิน       เพลินจิตะเรา 
แบ่งทุขะเบา     เชาวนะไวฯ


ศรีเปรื่อง

๒๔ ม.ค. ๒๕๕๖

Thursday, January 23, 2014

ทำนองเสนาะ : กลอนสุภาพ

รอ...วันที่ฟ้าเพียงดิน (ตำนาน ฟ้า ดิน ฝน และเมฆ)

ประพันธ์และขับทำนองเสนาะโดย: ศรีเปรื่อง


ดูงานประพันธ์ได้ที่ http://sriphreung.blogspot.com/2013/12/blog-post_6251.html

Monday, January 20, 2014

Hit Song: BoyThai (Andaman Sun)



๑. ลาวคำหอม

เพลงต้นฉบับของ พระยาประสานดุริยศัพท์
นำมาดัดแปลงโดย: ศิลปินวง BoyThai  


ยามเมื่อลม...พัดหวน...
ลมก็อวล...แต่กลิ่น...มณฑา...ทอง 
ไม้เอย...ไม้สุดสูง...สูอย่า...ปอง 
ไผเอย...บ่ได้ต้อง...แต่ยินเนื้อนวล...เนื้อเอย

โอ้...เจ้าดวง...เจ้าดวง...ดอกโกมล
กลิ่นหอม...เพิ่งผุดพ้น...พุ่มในสวน...ดุสิตา 
แข่งแข...อยู่แต่...นภา 
ฝูงภุมรา...สุดปัญญา...เรียมเอย 

โอ้อกคิดถึง...คิดถึงคะนึงนอนวัน 
นอนไห้...ใฝ่ฝัน....เห็นดวงจันทร์งามแจ่มฟ้า 
โอ้อกคิดถึง...คิดถึงคะนึงนอนวัน 
นอนไห้...ใฝ่ฝัน...เห็นดวงจันทร์งามแจ่มฟ้า 
ทรงกลด...สวยสด...โสภา 
แสงทอง...ส่องหล้า...ขวัญตา...เรียมเอย 
ทรงกลด...สวยสด...โสภา 
แสงทอง...ส่องหล้า ขวัญตา...เรียมเอย 


๒. ลาวดำเนินทราย

เพลงต้นฉบับของ พระยาประสานดุริยศัพท์
นำมาดัดแปลงโดย: ศิลปินวง BoyThai  



เป็นเวลา...ดึกนักหนา...อยู่แล้วหนอ
จะรีรอ...ร้องเล่น...เอ๋ยเป็นห่วงหวง
เหมือนเกสร...โกสุม...ทุกพุ่มพวง
จะแรมร่วง...โรยรา...น่าเสียดาย...โอ้ว่าอกเอ๋ยกรรม

โอ้ว่ากรรมเอ๋ยกรรม...อกเอ๋ย...จะทำเช่นไร
แม้ไม่มีบ่วง...ห่วงใย...ตัวฉันไม่ไป...เลยเอย
เป็นกรรมจำ...ช่างจำพราก...จำจาก...จำไกล
จำจิตจำใจ...จำจากจำไกล...กันเอย


Monday, January 13, 2014

วิวาหพระสมุทร์

ตับวิวาห์พระสมุทร
(พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖)

ที่มา: http://www.youtube.com/watch?v=wiNtUK9mD_s

เพลงที่ ๑: ทำนองเพลงคลื่นกระทบฝั่ง
(ขับร้องโดย ครูประเวส กุมุท)

อันโดร...เมดา...สุดาสวรรค์
ยิ่งกว่า...ชีวัน...เสน่หา
ขอเชิญ...สาวสวรรค์...ขวัญฟ้า
เปิดวิมาน...มองมา...ให้ชื่นใจ

ถึงกลางวัน...สุริยัน...แจ่มประจักษ์
ไม่เห็นหน้า...นงลักษณ์...ยิ่งมืดใหญ่
ถึงราตรี...มีจันทร์...อันอำไพ
ไม่เห็นโฉม...ประโลมใจ...ยิ่งมืดมน

อ้าดวง...สุริย์ศรี...ของพี่เอย
ขอจงเผย...หน้าต่าง...นางอีกหน
ขอเชิญจันทร์...ส่องสว่าง...กลางสากล
เยี่ยมมาให้...พี่ยล...เยือกอุรา



ที่มา: http://www.youtube.com/watch?v=AGiA9mGy3W0

เพลงที่ ๒: ทำนองเพลงบังใบ
(ขับร้องโดย ครูเจริญใจ สุนทรวาทิน)

ได้ยินคำ...สำเนียง...เสียงเสนาะ
แสนไพเราะ...รสรัก...เป็นหนักหนา
เหมือนยินเสียง...หงส์ทอง...ที่ฟ่องฟ้า
กล่อมสุนทร...วอนว่า...น่ายินดี

ถึงแม้ว่า...จะสนิท...นิทรา
ก็ผวา...เมื่อสดับ...ศัพท์เสียงพี่
ถึงดิฉัน...ร้อนรุม...กลุ้มฤดี
เสียงเหมือนทิพย์...วารี...มาประพรม

แต่โอ้ว่า...อนิจจา...ได้กินหวาน
มิช้านาน...ต้องกลืน...ทั้งขื่นขม
พอพี่ไป...ใจน้อง...ต้องระทม
ยิ่งมาชม...ก็ยิ่งช้ำ...ระกำใจ



ที่มา: http://www.youtube.com/watch?v=5Z0A9LnmwcQ

เพลงที่ ๓: ทำนองเพลงแขกสาหร่าย
(ขับร้องโดย ครูประเวส กุมุท/ครูเจริญใจ สุนทรวาทิน)

ถ้าแม้พี่...เลือกได้...ตามใจพี่
จะไปพ้น...ที่นี้...นั้นหาไม่
จะยืนชม...ขวัญตา...ผู้ยาใจ
กว่าจะได้...สวมกอด...แม่ยอดรัก

(โอ้พ่อยอด...ยาจิต...ของมิตรเอ๋ย
เมื่อไรเลย...จะได้เชย...ชิดชม
กลิ่นหอม...ได้ดอมดม...ห่างรัก...หักอารมณ์
โอ้แสนระทม...ระทวยเอย)

ถ้าแม้ไม่...เกรงใจ...บิดาเจ้า
จะลักองค์...นงเยาว์...จากตำหนัก
นี่หากเกรง...โฉมฉาย...จะขายพักตร์
จึงจำหัก...ใจคอย...ดูถ้อยที

(โอ้อันโดร...เมดา...นิจจาเอ๋ย 
กระไรเลย...เจ้าบ่เคย...ชํ้าใจ 
หมดหอม...ต้องตรอมใน...แทบจะ...บรรลัย 
หัวใจจะขาด...เสียแล้วเอย)

Friday, January 3, 2014

เอ่อ..คือว่า..พี่ลืม

http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/inscribe_image_detail.php?id=3570
http://www.watmoli.com/poetry-chapter5/old-verse/ปมาณิกาฉันท์-๘.html
http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/inscribe_image_detail.php?id=3572
http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/inscribe_image_detail.php?id=3568

(วิชชุมมาลาฉันท์ ๘)
ตื่นนอนลืมตา         ล้างหน้าแปรงฟัน
อาบน้ำเร็วพลัน       ตั้งแต่ตีสอง
เปิดตู้เย็นพิศ           ครุ่นคิดตรึกตรอง
วันนี้จักลอง            ทำอาหารเอง

หมายให้ภรรยา          เริงร่ายินดี
ด้วยภรรดานี้              นอกจากครื้นเครง
ยังเฟื่องเรื่องครัว       ไม่มัวนอนเขลง
เสพหนังฟังเพลง       กินแรงเนื้อนวล

(ปมาณิกฉันท์ ๘)
ชะล้างคะน้า              อุราสนาน
มิช้ามินาน                 ก็เสร็จกระบวน
คะค่อยเฉาะหมู          อะฮู้! กระสรวล
สมองประมวล           กระทำพิธี

ก็ทุบกระเทียม            ตระเตรียมน้ำมัน
ขมีขมัน                     คละคล่องสรีร์
ประหนึ่งวะ "กุ๊ก"         สนุกฤดี
ประเดี๋ยวสตี              จะยิ้มเพราะเรา

(มาณวกฉันท์ ๘)
เทินกระทะตั้ง            อังอคนี
จนระอุดี                    จึ่งดนุเอา
เนื้อเฉาะสุกร             หย่อนและก็เคล้า
วนเคาะบะเบา           เสียงเสนาะมน

เมื่อกะวะสุก                คลุกคละคะน้า
หอมเตะอุรา                ทั่วธระดล
แล้วก็เหยาะเติม          เพิ่มรสจน
ถูกฤดิตน                     จึ่งยุติพอ

(จิตรปทาฉันท์ ๘)
ตักภัตไว                   ประจุใส่จาน
จิตมิคร้าน                 มุจะคอยรอ
ยอดภริยา                 สริราลออ
ดั่งศศิทอ                  ณ นภาลัย

หกนะฬิกา                   นุชพะงางอน
ตื่นนิทระนอน              ชำระล้างไคล
พบกระยะหาร              ก็อุทานไว
"พี่..เอ๊ะ! ไฉน              บ่เจอะข้าวสวย"

(เอ่อ...คือว่า...ลืมหุงจ้า)

ศรีเปรื่อง
ประพันธ์ไว้ที่ http://www.klonthaiclub.com
เมื่อวันที่ ๒๓ มิ.ย. ๒๕๕๖

ปล.

ภรรดา = สามี
นอนเขลง = นอนทอดอารมณ์อย่างสบาย
คะค่อย จาก ค่อยค่อย
คละคล่อง จาก แคล่วคล่อง
"ประหนึ่งวะกุ๊ก" คือ ประมาณคิดว่าตัวเหมือนกุ๊กอาชีพ
สตี = ภรรยาที่ซื่อสัตย์ต่อสามี
บะเบา จาก เบาเบา
กะวะ จาก กะว่า
ธระดล จาก ธราดล = แผ่นดิน
นะฬิกา จาก นาฬิกา
นิทระ จาก นิทรา
กระยะหาร จาก กระยาหาร

รักแท้....แค่คำลวง

http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/inscribe_image_detail.php?id=3572

อัตมะขอ               ทอวทะสาน
บรรพะนิทาน         สอนจิตะหญิง
"รัก" ปุมะเอ่ย         เผยมิประวิง
ควรพิเคราะห์อิง    เหตุและผล

***

มีนุชะหนึ่ง          ซึ่งปุระนาง
สุดจะสะอาง       ล้ำปุถุชน
หนุ่มและก็ป๋า      มาบทะวน
หมายนิรมล        องคยุพา

เอกปุมะเลิศ        เพริศเสนาะถ้อย
ใครสุตะพลอย     ลุ่มกมลา
เทียวจระหยอด    พลอดพจนา
จนพนิดา            มีจิตะปลง

ภักดิสมัคร        รักปุมะนั้น
หลับ ฤ ก็ฝัน      เพ้อเพราะพะวง
ยามทิวะรุ่ง         มุ่งมุประสงค์
พบวรองค์         ชายวทะดี

จวบทินหนึ่ง       จึ่งปุมะงาม
มีกิจตาม            ป่าพนะลี
เอ่ยพจะชวน      นวลดรุณี
ท่องอฏวี            หย่อนหฤทัย

หว่างมรคา        ป่าวนวัน
พบพะฉกรรจ์     หมีสริร์ใหญ่
ขู่ฮะฮะโฮก      โหวกวะวะไกล
โผนกะยะใส่     สองนรชน

นวลฉวิเพ็ญ      เห็นภยะร้าย
กล้ำจระกราย    มาณพะตน
กู่สรร้อง            ก้องพนะสนฑ์
"หนีสิกมล         ทูนศิรษา"

ฝ่ายปุมะเพริศ   เปิดมิประวิง
รีบจระวิ่ง           ขึ้นรุกะขา
ไป่พิศแล          แขสริรา
ปล่อยยุวภา      เดี่ยววรกาย

จึ่งนุชะแกล้ง    แสร้งสติเลือน
นอนมิเขยื้อน   ดุจชิวะวาย
หมีก็งะงัน        สั่นศิระส่าย
แลนรชาย        คล้ายวะจะหยาม

มันจรดล          จนพะประชิด
ใกล้กะกนิษฐ์    ผ่องสิริงาม
ทิ้งวทะไว้         ให้ดำริตาม
"นี่ ฤ วะความ    รักปุมะทำ"

***

รักบ่มิอาจ               คาดกะประมาณ
ด้วยพจมาน            ถ้อยมธุคำ
ต้องพิเคราะห์นาน  ผ่านพฤติกรรม
จึงจะมิช้ำ               ชอกหทยา

เหตุวิกฤต           บิดกละลวง
เผยมนทรวง       สู่นยนา
ยากจะเสาะรัก     ภักดิอุรา
จนวะชิวา            ตักษยะแทน

ศรีเปรื่อง
ประพันธ์ไว้ที่ http://www.klonthaiclub.com
เมื่อวันที่ ๒๒ เม.ย. ๒๕๕๖

ปล.

อัตมะ = ข้าพเจ้า
ปุมะ = เพศชาย
ปุระ = ร่างกาย (จริง ๆ แปลว่า เมือง ได้ด้วย แต่ในที่นี้ คือ ร่างกาย ครับ)
สุตะ = ฟัง
นร = คน, ชาย
ทิน = วัน
สร = เสียง
ป๋า = ชายแก่ ที่มีตังค์เยอะ ๆ ชอบมีกิ๊กเด็ก ๆ
อฏวี = ป่า
รุกะขา จาก รุกข = ต้นไม้
พะ = ปะทะกัน, ชนกัน
งะงัน กร่อนจาก งงงัน
ฮะฮะโฮก กร่อนจาก โฮกโฮกโฮก
โหวกวะวะ กรอนจาก โหวกโหวกโหวก
ตักษยะ จาก ตักษัย

ปีม้าจะมาแล้ว

http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/inscribe_image_detail.php?id=3604

ปีม้าจะมาแล้ว                มิตรแก้วสหายจำเริญ
มาสุขสนุกเพลิน             ทุขะเศร้ามิควรจะจำ

แต่เที่ยวก็พึงตรึก             สตินึกตริตรองกระทำ
ตามทางกระแสดำ-          รัสแห่งบิดาสยาม

พอเพียงฉลาดหา            ก็มิล้าอุรามิหวาม
ทรัพย์สินแสวงตาม          มรคาวิถีเหมาะควร

รู้เก็บถนอมอัฐ                มัธยัสถ์ประมาณประมวล
กินเที่ยว ฤ เสสรวล          พิเคราะห์ก่อนจะใช้จะสอย

ดื่มเบียร์สุราเหล้า            ผิวะเมาซะเนตรลอย
รถราก็อย่าถอย               ริจะขับจะอันตราย

ขอเทพดาอุ้ม                 สุรคุ้มประดาสหาย
สดศรีสุขีกาย                 ภัยร้ายมิกวนมโน

ศรีเปรื่อง
ประพันธ์ไว้ที่ http://www.klonthaiclub.com
เมื่อวันที่ ๓๑ ธ.ค. ๒๕๕๖

อุระแสลง

http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/inscribe_image_detail.php?id=3656

แมกไม้พฤกษะพบูก็ชูและผลิสล้าง            
เมื่อหยาดพิรุณพร่าง                                 ปฐพี

ฝูงสรรพสัตว์ก็ผะโผนกระโจนกะยะสรีร์        
ด้วยหรรษะเหลือที่                                    สำแดง

แต่ศรี ฯ กลับทุขะตรมระทมอุระแสลง        
คล้ายทินสิสิ้นแสง                                     ตะวัน

ร้อนรุ่มดั่งอคนีพระเพลิงประลยกัลป์            
สุมในอุรานั้น                                             มิคลาย

อาภัพเรื่องอิสตรีมิสมกมลหมาย                
สาวไหนก็แหนงหน่าย                               ดนู

จึ่งร่ายฉันทประกาศเพราะมาดจะเสาะพธู    
ช่วยศรี ฯ สลายหู่                                       มโน

ศรีเปรื่อง
ประพันธ์ไว้ที่ http://www.kawethai.com
เมื่อวันที่ ๑๒ มี.ค. ๒๕๕๖

ปล.

ทิน = วัน

โสด

http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/inscribe_image_detail.php?id=3660

เป็นโสดนั้นสุขสำราญ           ผิจะละคฤหสถาน
ยามนิศากาล                         ฤ ง่ายดาย

แม้นหากมีคู่ ณ ข้างกาย        อิสระมละมลาย
เที่ยวประสาชาย                    สิยากเอา

ด้วยกริ่งเสียสิทธิของเรา       ก็ละสละยุพเยาว์
ก่อนมโนเฉา                         มิเว้นวัน

สังสรรค์กับมิตรสุขสันต์        สนทนะวทะกัน
ไป่ประหวาดหวั่น                   สบายอุรา

อยากคุยกับสาวแฉล้มตา      กมลก็มิผวา
ศรีษะกายา                            บ่มีภัย                  

อยู่เดียวเปลี่ยวไร้พธูใด        จร ณ มรคะไหน
ตามทหัยได้                          สะดวกจริง

ศรีเปรื่อง
ประพันธ์ไว้ที่ http://www.kawethai.com
เมื่อวันที่ ๑๖ มี.ค. ๒๕๕๖

ปล.

คฤห = บ้าน
มละ = ทิ้ง
ยุพเยาว์ = ผู้หญิง
สนทนะ จาก สนทนา
วทะ = คำพูด
มรคะ จาก มรคา

ลาง

http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/inscribe_image_detail.php?id=3658

อกดนูประหวั่นประหวาดประหลาด
ขยิบเขยิบพระเนตรมิขาด            ประหนึ่งลาง

กินอะไรก็คล้ายจะจืดจะจาง
ระร้อนระรุ่มสรีระร่าง                    ประดุจเพลิง

ดู "มณีสวาท" เพราะมาดประเทิง
ก็ยิ่งมโนเตลิดเตลิง                     มิเป็นการ

โทรศัพทะหายุพาสะคราญ
มิว่างตะตื๊ดตะตู๊ดซะนาน             อะไรกัน

เอาละเซ่! ฤ นางสิพัวสิพัน
ระรี้ระริกกระซิกจำนรรจ์               กะกิ๊กชาย

ปิดละครประสงค์จะหลับสบาย
มิอาจสะกดหทัยสลาย                ระร้าวราน  

ศรีเปรื่อง
ปรับปรุงจากงานเดิมซึ่งลงไว้ที่ http://www.kawethai.com
เมื่อวันที่ ๑๓ มี.ค. ๒๕๕๖

ระบาย

http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/inscribe_image_detail.php?id=3640

พิศอนุชสะอางเลิศ          พักตระพริ้งเพริศ
จะหาไหน

ประดุจสุร ณ สรวงไกล     จากทิพาลัย
เสด็จมา

อัตมะปุรุษธรรมดา           ไหน ฤ จักกล้า
แถลงความ

ระบุหทัยสมัครทราม-       วัยะคนงาม
สุกัลยา

นิทระบ่มิสนิทตา              เหม่อมะเมอหา
กระวนกระวาย

ก็มุรจนะกวีระบาย            มาดกมลหาย
ระร้อนรน


ศรีเปรื่อง
ปรับปรุงจากงานเดิมซึ่งลงไว้ที่ http://www.kawethai.com
เมื่อวันที่ ๘ มี.ค. ๒๕๕๖

สุร = เทวดา
ทิพาลัย = ทิพ (สวรรค์) + อาลัย (ที่อยู่)
อัตมะ อ่านเป็น อะ-ตะ-มะ = ข้าพเจ้า
ปุรุษ = บุรุษ
หทัย อ่านเป็น หะ-ทะ-ยะ
ทราม- วัย ฉีกคำจาก ทรามวัย
สุกัลยา = สุ (ดีงาม) + กัลยา (ผู้หญิง)
นิทระ จาก นิทรา
มะเมอ = ละเมอ
รจนะ จาก รจนา
ระร้อน จาก รุ่มร้อน (กร่อนคำ)