http://www.sac.or.th/databases/inscriptions/inscribe_image_detail.php?id=3580
ฝัน...
ตั้งจิตมโนมั่น ทนุฉันท์กวีไทย
ยากเย็นประการใด มิละท้อจะขอเรียน (๑)
แว่นแคว้นสยามรัฐ อธิปัตยะมณเฑียร
กลขีดกวีเขียน วิเมลืองกระเดื่องแดน (๒)
บ่น...
เปล่าเปลี่ยวสรีร์กาย นรชาย ณ เมืองแคน
ไร้คู่พธูแฟน อุระแสนระร้าวรอน (๓)
หมายยาตระแอ่วเหนือ ก็เพราะเบื่อบุรีขอน-
แก่นแล้วสิลาจร กิ๊กะอรมิเหลียวแล (๔)
ขามแก่นพระธาตุช่วย ดนุด้วยประทานแข
ขาวหมวยพิฆาตแด มิฉุอ้วนมิผอมไป (๕)
เนตรขลับประหนึ่งนิล สริร์กลิ่นจรุงใจ
แม้นธาตุจัดให้ ธนทรัพย์มิขัดบน (๖)
เยือนอำเภอเกิด...
เยือนธาตุพนมด้าว ปุระคราวละอ่อนชนม์
เนาอยู่สถิตย์ตน ประลุจบประถมวัย (๗)
เที่ยวท่องตระเวนทุ่ง จิตะมุ่งกะปอมไพร
แม่เพื่อน ก็ ลาบไว รสะเด็ดเอร็ดหลาย (๘)
รถคลาศะเคลื่อนผ่าน ลุสถานกระโน้นชาย
แต่เช้ากระทั่งบ่าย คุรุชี้วิธีเรียน (๙)
จากเด็กมะเหรกเก อุปเท่หะฉุดเพียร
รักอ่านและขีดเขียน ดนุซึ้งและตรึงใจ (๑๐)
"หัวบึง ฯ" สมัญญา มิเตะตาประการใด
แต่เกริกวิชาไกร คุรุแน่วประสิทธิ์สอน (๑๑)
พลันหวนคนึงหา ยุวภาพะงางอน
รักแรกดนูตอน มิประสีประสาความ (๑๒)
สืบหาพิไลนุช มิละหยุดตระเวนถาม
จนแจ้งอนงค์งาม คฤหะบ้านสถานใด (๑๓)
จึ่งตามกระทั่งพบ พะประสบยุพาลัย
พลันอึ้งตะลึงไป อระ Size คชาธาร (๑๔)
จำได้ ณ ครานั้น ดุนุสั่นมิเป็นการ
เมื่อนุชะเดินผ่าน สริร์อ่อนระทดระทวย (๑๕)
พักตร์แดงประดุจชาด มนหวาดประหม่าขวย-
เขินล้นกมลระรวย ก็เพราะปลื้มและ in เกิน (๑๖)
เด็กเอ๋ยนะเด็กน้อย จิตะจ๋อยเพราะสาวเมิน
แปล่บแปล่บอุราเนิน สติเป๋อมิเป็นเรียน (๑๗)
แต่ทินะนี่นี้ ดนุศรี ฯ ก็เฉียดเพี้ยน
ทรามวัยไฉนเปลี่ยน มละเค้าพิไลกานต์ (๑๘)
ผ่านโขงชโลธร ก็สะท้อนวะหวิวมาน
น้ำกร่อนระรอนราน กวะปานจะปลิดปลง (๑๙)
นี่หรือมนุษย์ผู้ สติรู้ฉลาดพงศ์
ลุ่มวัตถุเริงหลง มละแม่มิแลมอง (๒๐)
สายน้ำกระแสชล คุณผละก่ายกอง
เลี้ยงชีพประทังผอง นรชาตินานมา (๒๑)
ควรที่นิกรไทย ทนุไว้มิบีฑา
ปกปักและรักษา มิมล้างมลายผลาญ (๒๒)
ภาพเหล่าทะโมนน้อย ก็คะค่อยกระจ่างมาน
เผ่นโผนกระโจนธาร ดุจะค่างและบ่างลิง (๒๓)
คิดไปก็ยิ้มไป ยุวะวัยสนุกจริง
ตรึงจิตสนิทยิ่ง ทศะปีบ่มีคลาย (๒๔)
แสงสูรยะคลาจร ศศิธระเคลื่อนกราย
จึ่งต้องขยับย้าย ณ สถานพำนักนอน (๒๕)
รีบชำระกายา อภิล้าซะกายคลอน
เอนองคบนหมอน ก็นิทรามิช้านาน (๒๖)
แปดนาฬิกาเช้า ก็แวะเข้านมัสการ
พนมธาตุลือขาน กิระยินระบิลไกล (๒๗)
สิบนิ้วประจงกราบ ศิระราบ ณ พื้นไว
แม้นศรี ฯ คระลาศไป ก็คำนับมิคลอนแคลน (๒๘)
มาธาตุหนนี้ มนะศรี ฯ ปริดาแสน
สูดกลิ่นประทิ่นแดน ยุวะแคว้นซะเปรมใจ (๒๙)
ถึงคราสิลาจร อุระรอนวะหวิวไหว
แม้นว่าง ณ คราใด ดนุศรี ฯ จะคืนเยือน (๓๐)
ศรีเปรื่อง
ปรับปรุงจากงานเดิมซึ่งลงไว้ที่ http://www.kawethai.com
เมื่อวันที่ ๑๖ - ๒๘ ก.พ. ๒๕๕๖
ปล.
เมืองแคน = สมญาของจังหวัดขอนแก่น
ขามแก่น = พระธาตุขามแก่น
กะปอม = กิ้งก่า (ภาษาอีสาน)
Post a Comment
Comment โดยเลือก "Name/URL"
แล้วป้อนเฉพาะช่อง "Name" ก็ได้นะครับ !!!
No comments: